18 มกราคม 2017

ท่องแดนไอยคุปต์กับ ‘ชญาน์พิมพ์’


“มาเที่ยวอียิปต์ไหม ทอฟฟี่”
         คำเชื้อเชิญสั้นๆ ในกล่องข้อความของเฟซบุ๊คเมื่อสองสามปีก่อนจุดประกายให้อยากออกเดินทางไปยังอียิปต์อย่างที่สุด แบดเป็นเพื่อนรักมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบต่างคนต่างมีความฝันคนละอย่าง ชญาน์พิมพ์มาเป็นนักเขียนนิยายเพ้อฝัน ส่วนแบดนั้นเลือกเดินเส้นทางท้าทายด้วยการไปทำงานกระทรวงต่างประเทศ จนวันหนึ่งได้ไปประจำการที่สถานทูตไทย ณ กรุงไคโร รอบแรกที่แบดมาชวน ชญาน์พิมพ์ติดภารกิจมากมายจนไม่สามารถวางแผนเดินทางได้ ต้องเคลียร์งานหลวงงานราษฎร์ชนิดหัวหมุน เผลอแป๊บเดียวผ่านไปสองปี จนเพื่อนรักใกล้หมดวาระประจำการที่อียิปต์นั่นละ ถึงได้ขยับตัวเริ่มจองตั๋วและวางแผนเที่ยวแดนไอยคุปต์เป็นเวลา 10 วัน เรียกว่าเป็นการพักผ่อนหลังจากลุยงานไม่เคยหยุดมายาวนาน 3-4 ปีที่ประทับใจที่สุดในชีวิตเลยละค่ะ หลายๆ คนอาจกลัวเรื่องสถานการณ์ไม่สงบภายในประเทศอียิปต์จากข่าวสารที่เห็นผ่านสื่อต่างๆ แต่เอาเข้าจริง ตามแหล่งท่องเที่ยวหลักๆ ของเขาเรียกได้ว่าปลอดภัยมาก งดงาม สนุก ได้ความรู้ นับเป็นประเทศที่หากมีโอกาสละก็ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ 

         ถ้าถามว่าไปอียิปต์แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวใดที่น่าเที่ยวที่สุดก็คงเป็นเรื่องที่ตอบยากมากนะคะเพราะไม่ควรพลาดเลยสักที่ แต่ถ้าถามว่าไปแล้วประทับใจที่ใดมากที่สุดละก็ คงต้องตัดใจเลือกมาเล่าสู่กันฟังสั้นๆ ตามลำดับนี้ละค่ะ




1.พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ณ กรุงไคโรหรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่าพิพิธภัณฑ์ไคโร เป็นสถานที่ซึ่งไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง นอกจากจะเป็นที่รวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้นับแสนชิ้นแล้ว ยังทำให้เข้าใจภูมิปัญญาและความรู้ของคนในยุคนั้นมากขึ้น ทำให้การไปชมโบราณสถานต่างๆ ต่อจากนี้จะกลายเป็นเรื่องสนุกและเพลิดเพลินอย่างยิ่ง ชญาน์พิมพ์ตั้งใจว่าจะกลับไปอีกครั้งและแช่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ทั้งวันเลยค่ะ แค่ได้เข้าไปชมหน้ากากทองคำของตุตันคามุนก็คุ้มแล้ว โบราณวัตถุในห้องแสดงสมบัติของตุตันคามุนนั้นสวยงามแทบลืมหายใจทุกชิ้นเลยค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทับทรวงสการับที่แกะมาจากหินสะเก็ดดาวตก “น้ำตาสวรรค์” อันเป็นที่มาของนิยายเรื่อง “พรางคิมหันต์” ที่ชญาน์พิมพ์ดั้นด้นไปเก็บข้อมูลมาในครั้งนี้

2.มหาพีระมิดแห่งกีซ่า มาอียิปต์ทั้งที ไม่ควรพลาดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งนี้เป็นอันขาด ประวัติที่มาที่ไปของมหาพีระมิดนั้นเชื่อว่าหลายๆ ท่านคงพอรู้กันคร่าวๆ อยู่แล้ว เกรงว่าถ้าเล่าให้ฟังจะกลายเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน เอาเป็นว่าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวชมก็ให้เตรียมแหงนคอกันเอาไว้เลยค่ะ เพราะยอดของพีระมิดนั้นสูงมาก ตัวเราสูงไม่พ้นฐานหินขั้นแรกของพีระมิดเสียด้วยซ้ำ ถ้าได้ไกด์เก่งๆ เล่าเรื่องสนุกด้วยจะยิ่งอินเลยละค่ะ ซึ่งแก๊งของพวกเราสามคนโชคดีมากจริงๆ ที่แบดเพื่อนรักติดต่อคุณกิตติมาให้ คุณกิตติพูดภาษาอาหรับได้และเล่าเรื่องราวเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยได้อย่างสนุก ถ้าไปที่พีระมิดละก็อย่าลืมขี่อูฐนะคะ ทั้งสนุกและหวาดเสียวไม่รู้ลืม



3.พีระมิดขั้นบันได หรือที่เรียกกันว่า Step Pyramid พีระมิดขั้นบันไดแห่งซัคคาราแห่งนี้ นับเป็นพีระมิดที่เก่าแก่ที่สุดสร้างโดยมหาเสนาบดีอิมโฮเทปผู้มีอัจฉริยภาพหาตัวจับยาก ให้ลืมภาพตัวร้ายจากหนังเรื่องมัมมี่ไปได้เลยนะคะ ตัวจริงในประวัติศาสตร์นั้นเก่งกาจฉลาดเฉลียวอย่างยิ่งค่ะ พีระมิดขั้นบันไดนี่เหละที่จะพัฒนาไปเป็นพีระมิดแท้ที่มีผิวด้านนอกเรียบแบบมหาพีระมิดแห่งกีซ่า ชญาน์พิมพ์กับคณะได้มีโอกาสมุดลงไปหนึ่งในสุสานด้วยนะคะ ขอร้องคุณกิตติเลยค่ะว่าอยากลงไปดูเพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกของตัวละครยามต้องมุดลงไปใต้พีระมิด แล้วก็สมใจค่ะ



 
4.ล่องเรือสำราญบนแม่น้ำไนล์ ฟังดูหรูหราใช่ไหมคะ ที่จริงถ้าเลือกเรือหรูก็หรูเอาการค่ะ แต่ถ้าเลือกในระดับรองๆ ลงมาก็จะได้ราคาที่สบายกระเป๋าและได้รับการบริการที่น่าประทับใจค่ะ แบดเพื่อนรักจองเรือ Amwaj ให้ในราคาที่ดีงาม 1 ห้องพัก เรานอนกัน 3 คน พร้อมไกด์ชาวอียิปต์ 1 คนชื่อ Amro Ghanem อัมโรจะคอยดูแลอำนวยความสะดวกเฉพาะเรา 3 คน ทำให้การนัดหมายต่างๆ ง่ายและรวดเร็วกว่ากลุ่มใหญ่ เรือจะจอดตามโบราณสถานต่างๆ ให้เราไปเยี่ยมชมอย่างสะดวกสบาย การบริการในเรือนั้นดีเยี่ยม ห้องพักสวยงามสะอาดสะอ้าน พนักงานบนเรือลำนี้ขี้เล่นมากค่ะ เวลาเราออกไปเที่ยว พวกเขาจะมาทำความสะอาดห้อง พร้อมพับผ้าเช็ดตัวเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ไว้บนเตียงนอน ทั้งจระเข้เอย ช้างเอย กลับเข้าห้องมาก็ลุ้นทุกวันนะคะว่าบนเตียงจะมีตัวอะไรรออยู่ ยกนิ้วให้กับความคิดสร้างสรรค์เลยค่ะ




 
5.มหาวิหารคาร์นัคและวิหารลุกซอร์ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาด มหาวิหารคาร์นัคเรียกได้ว่าเป็นวิหารที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยละค่ะ สร้างอุทิศให้มหาเทพอามุน-รา ที่นีเราจะพบสิ่งก่อสร้างขนาดมหึมามากมาย ทั้งกำแพงและเสาที่มีการสลักเสลาอย่างเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงจะพบสฟิงซ์ที่มีหัวเป็นแกะตัวผู้ด้วยซึ่งว่ากันว่าเป็นร่างจำแลงของเทพอามุน-ราในยามที่อยู่ห่างชายาซึ่งประทับอยู่ที่วิหารลุกซอร์ค่ะ ไกด์บอกว่าสมัยโบราณสฟิงซ์หัวแกะเหล่านี้มีอยู่ประมาณ 900 ตัวได้และเรียงยาวตามถนนไปถึงวิหารลุกซอร์โน่นเลยนะคะ ยุคนั้นช่วงที่น้ำจากแม่น้ำไนล์ท่วม เป็นช่วงแห่งความอุดมสมบูรณ์ คนจะเชื่อกันว่าเทพอามุน-ราจะเสด็จไปหาพระชายาที่วิหารลุกซอร์ จะมีพิธีแห่เรือของเทพอามุน-รากันใหญ่โตด้วยค่ะ วิหารลุกซอร์นั้นแม้จะเล็กกว่า แต่ก็งดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไม่แพ้กัน เราจะเห็นร่องรอยของอเล็กซานเดอร์มหาราชที่นี่ด้วยนะเออ



 
6.หากมีโอกาสได้ไปลุกซอร์แล้วใจกล้าพอขอแนะนำให้ขึ้นบอลลูนชมวิวทิวทัศน์ของหุบผากษัตริย์ หุบผาราชินีและวิหารของราชินีฮัตเชปซุตจากความสูงนับพันฟุตจากพื้นดินนะคะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ชญาน์พิมพ์และคณะจะไม่มีวันลืมเลยจริงๆ แม้จะต้องตื่นตั้งแต่ตีสามแล้วนั่งรถไปขึ้นบอลลูนให้ทันพระอาทิตย์ขึ้นก็ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ นักบินของเขามีประสบการณ์ค่ะ สามารถบรรยายและชี้ได้ว่าตรงไหนเป็นตรงไหน มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเล่าให้ฟังด้วย สนนราคาอาจสูงอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับแล้ว เทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ 

7.เที่ยวโอเอซิส บาฮาริยะห์ ท่องทะเลทรายขาว ทะเลทรายดำและตั้งแคมป์ดูดาวกลางทะเลทราย เป็นสิ่งที่ชญาน์พิมพ์ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ทำในชีวิตนี้ ตอนที่บอกเพื่อนสาวว่าในพลอตนิยายมีฉากไล่ล่ากลางทะเลทรายและมีเรื่องราวของชนเผ่าเบดูอินยุคปัจจุบันมาเอี่ยวอยู่หน่อยๆ เธอก็จัดให้ทันทีด้วยการติดต่อพี่ขวัญชัยหรือพี่นาอีมผู้แสนน่ารักให้พาเราผจญภัยไปในทะเลทราย ซึ่งบอกตรงๆ ว่าคนไทยไม่ค่อยไปกันเท่าไหร่นะคะ ส่วนมากจะเห็นแต่คนจีนหรือฝรั่งที่ไปกันเสียมากกว่า เพราะส่วนมากจะกลัวความลำบากกันค่ะ การจะเข้าไปในทะเลทรายนั้นต้องใช้รถโฟร์วีลคันเล็กและวิ่งด้วยความเร็วสูงตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ล้อจมทราย แน่นอนว่าเสียงของพวกเราจะร้อง “โอ มาย ก็อด” กันตลอดทาง บางทีล้อก็จะไต่โขดหินข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวิ่งอยู่ในทราย ได้ฉากไล่ล่าสมใจละค่ะ แต่ก็เล่นเอาเครื่องในไปกองรวมอยู่ผิดที่เหมือนกัน โชคดีที่มาห์มู้ด โชเฟอร์เบดูอินของเราเก่งมาก ขับรถไปโทรศัพท์ไปมือเดียวยังได้ เป็นผู้ชาย 10 in 1 คือขับรถ กางเต๊นท์ ทำอาหาร (อร่อยด้วย) ถ่ายรูปสวยมาก เอนเตอร์เทนก็ได้

 
ต้องขอบคุณแบดเพื่อนรักและคาเหล็ดสามีผู้แสนใจดีของแบดจริงๆ ที่ช่วยเหลือให้คำแนะนำตั้งแต่การทำวีซ่า จัดโปรแกรมทัวร์ต่างๆ ให้และให้พวกเราไปรบกวนป่วนประสาทด้วยการพักที่บ้าน ขอบคุณ Amro Ghanem ไกด์ผู้ทรงภูมิ ให้ความรู้มากมายจนเราน่าจะเขียนหนังสือได้สักสี่ห้าเล่ม ขอบคุณคุณกิตติและพี่นาอีมที่เปิดโลกให้พวกเราได้เห็นอียิปต์ในอีกมุมหนึ่ง และได้มุกกลับมาเขียนนิยายเพียบ จริงๆ เรื่องเล่าในอียิปต์ยังมีอีกเยอะแยะมากมายค่ะ เพียงแต่อุบเอาไว้ก่อนเนอะ รอไปอ่านกันใน “พรางคิมหันต์” นิยายเล่มแรกในชุดฤดูพรางรักเร็วๆ นี้นะคะ